Posts Tagged ‘ ฤดูใบไม้ร่วง ’

เมื่อใบไม้ร่วงแล้ว..ร่วงเล่า..

ฤดูใบไม้ร่วงนั้นช่างมีเสน่ห์ มีความงดงาม มีธรรมชาติให้เชยชม ผู้คนมักจะให้นิยามความโรแมนติกแด่ฤดูนี้ แน่นอน ความสวยงามนี้แอบแฝงไว้ด้วยความไม่ยืนยังมั่นคงอยู่ด้วย ใบไม้ที่เปลี่ยนสีและร่วงโรยนั้น ก็สอนให้มนุษย์รู้จักความเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา และปรับตัวให้เข้ากะมันให้ได้ ธรรมชาติที่ตายไปนั้นไม่ได้ตายไปตลอดกาล แต่จะค่อยๆคืนกลับมาพร้อมกับชีวิตใหม่ พร้อมกับแสงแดดและความอบอุ่น มนุษย์เราก็ต้องหัดเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ และพร้อมที่จะกลับมาสดใส สวยงามได้ใหม่ ความมืดมนอาจจะเข้ามาในชีวิตคนเราได้ในบางช่วง แต่ถ้าเราอดทน เราก็จะได้เห็นแสงสว่างอันอบอุ่นและเจิดจ้านั้นอีก

หนึ่งในเพลงที่ผู้เขียนชอบมากที่สุดในถ้อยคำและความหมาย คือเพลง ฤดูที่แตกต่าง หรือ Season Change ของคุณบอย โกสิยพงษ์ หากมีเวลาใดที่ท้อแท้ใจ ฟังเพลงนี้แล้วผู้เขียนจะรู้สึกดีขึ้นทันที ในชีวิตของผู้เขียนที่ผ่านมา ผู้เขียนได้เรียนรู้ที่จะอดทนกับสิ่งต่างๆ เมื่อกาลเวลาผ่านไปผู้เขียนก็ได้เห็นผลตอบแทนของความอดทนเสมอมา เมื่อคุณได้พยายามให้ถึงที่สุดแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นคุณก็จะยอมรับมันได้

13ปีที่ผ่านมา 13ใบไม้ร่วงที่ผู้เขียนได้ใช้ชีวิต ณ ต่างประเทศ ไกลจากบ้านเกิด จากคนสนิท จากพ่อแม่พี่น้อง ผู้เขียนยอมรับว่าใบไม้ร่วงครั้งแรกๆนั้นผู้เขียนได้เกิดความท้อแท้ใจ เบื่อหน่ายกับวิถีชีวิต แต่ด้วยบุญคุณของพ่อแม่ที่สั่งสอนให้ผู้เขียนมีความอดทนเป็นนิสัยติดตัวมาแต่เด็ก ยิ่งหลายใบไม้ร่วงผ่านไป ผู้เขียนก็ยิ่งรู้สึกเข้มแข็งและมีความสุขกะทุกๆสิ่งรอบตัวมากขึ้นเท่านั้น ผู้เขียนได้หัดเรียนรู้ที่จะมีความสุขกะสิ่งเล็กๆน้อยๆทุกๆวันที่เกิดขึ้นในชีวิต ความรู้จักพอเป็นคุณสมบัติที่สำคัญยิ่ง จาก 13ใบไม้ผลิที่ผ่านมานี้ ผู้เขียนได้เห็น ได้รับรู้เรื่องราวของคนรอบตัว ที่หนักหนาสาหัสนัก เป็นอุทธาหรณ์สอนว่า หากคุณเข้มแข็งพอที่จะรับมันได้ แล้วมันก็จะผ่านไป แต่หากคุณก้าวถอยหลังและยอมแพ้ให้กะมัน ความล้มเหลวและสูญเสียก็รอคุณอยู่ ณ ที่นั้นเอง ผู้เขียนรู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่งกับทุกๆสิ่งที่เข้ามาในชีวิตผู้เขียน ถึงแม้มันจะเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆแต่มันมีความสำคัญมากกับผู้เขียน

ชีวิตของผู้คนในปัจจุบันนี้ มีความเครียด ความเกลียดชัง ความอยากได้อยากมี ความไม่มั่นคงแน่นอน ชีวิตมันช่างยุ่งยากซะเหลือเกิน  คนเราไม่รู้จักพอในสิ่งที่ตนมีอยู่ ผู้เขียนอยากจะใช้เนื้อที่โพสต์นี้ส่งกำลังใจแด่ทุกๆคนที่อาจจะสิ้นหวังท้อแท้อยู่ ณ ขณะนี้ หากคุณหยุดสักนิด และทบทวนทุกๆสิ่งดูอย่างช้าๆ บางทีเราก็พบว่า สิ่งที่เราคิดว่ามันหนักหนาสาหัสเหลือเกิน แท้จริงแล้วอาจจะเป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อย แค่นั้นเอง…

ปรับตัวไม่ทัน

สองสามวันนี้อากาศหนาวมากๆค่ะ ยังอยู่ในฤดูใบไม้ร่วงอยู่แท้ๆ แต่อุณหภูมิลดดิ่งลงไปเยอะจนเทียบเท่าหน้าหนาวแล้วล่ะค่ะ ผู้เขียนเลยไม่ค่อยจะสบอารมณ์เลยค่ะ ปีนี้เห็นจะแย่ เพราะอากาศเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยทีเดียว ภายในสัปดาห์ที่ผ่านมา เจอมาหมดแล้วทั้งฝนตกหนัก หมอกลงจัด แดดออกเปรี้ยงๆ และหนาวจนเข้ากระดูก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ญาติของแม่สามีผู้เขียนโทรมาบอกว่า “หิมะตกแล้วจ้า” ทำให้ทุกคนต้องกุลีกะจอออกไปโกยหิมะกันตั้งแต่ยังไม่เข้าเดือนพฤศจิกายน ในเมื่อมีหิมะตกตามแถบภูเขาแล้ว จะมิให้มีลมหนาวมาเยือนถึงที่ราบได้อย่างไร

ผู้เขียนเป็นคนที่ผิวแตกง่ายมาก ต้องขยันทาครีมโดยเฉพาะที่มือ ลิปมันนี่ทาเกือบทุกครึ่งชม.เลยทีเดียวค่ะ ช่วงนี้ผู้เขียนก็เริ่มสำรวจเสื้อผ้าของใช้ต่างๆนานาสำหรับฤดูหนาว โดยเฉพาะของคุณลูกชาย ที่กำลังสูงเอาๆ ของปีที่แล้วแทบจะไม่มีอะไรใช้ได้เลย ข้อเสียของการแต่งตัวลูกชายคือ ไม่ค่อยมีอะไรให้เลือกมาก โดยเฉพาะลูกชายผู้เขียนเขาเป็นเด็กที่ไม่ชอบแต่งตัวให้เทอะทะ รักสบาย ไม่ชอบใส่อะไรหล่อเวอร์แล้วรู้สึกอึดอัดขยับตัวไม่ถูก เพราะฉะนั้นตู้ของเขาก็จะมีแต่กางเกงวอล์มเป็นหลัก เสื้อยืดคอกลม และเสื้อหนาวแบบมีฮู้ดที่เปิดซิปด้านหน้าได้ตลอด เพราะเขาบอกว่าอยู่ในรร.มันร้อน จะได้ถอดๆใส่ๆได้สะดวก นอกจากนี้ก็มีกางเกงยีนส์สัก 2 ตัว เสื้อเชิ้ตแขนยาวก็ 2 ตัว เสื้อหนาวแบบไหมพรมแบบดูดีมีคลาสสัก 1 ตัวเป็นพอ เอาไว้ใส่หล่อๆบางโอกาส เพราะสมัยก่อนเสื้อผ้าหล่อๆแบบคุณชายๆแบบนี้ ซื้อไว้หลายตัวแล้วสรุปได้ใส่ไม่กี่ครั้งตลอดฤดู และที่ขาดไม่ได้ก็เสื้อโอเวอร์โค๊ทนุ่มๆหนาๆ ใส่แล้วตัวกลมดีไม่น้อยค่ะ ด้วยความที่ลูกชายเป็นเด็กผอม เห็นซี่โครงเป็นซี่ๆ การเลือกซื้อเสื้อผ้าก็จะยากหน่อย เพราะเสื้อผ้าฝรั่งไซส์เขามักจะกว้างเกินไป ผู้เขียนจึงต้องเป็นช่างเย็บผ้าจำเป็นอยู่บ่อยๆ

วินโดว์สช้อปปิ้งเป็นงานอดิเรกที่ทำให้ผู้เขียนทั้งเพลิดเพลินใจ ทั้งได้ออกกำลังกายดีมากค่ะ เดินเท่าไหร่ก็ไม่เหนื่อยเลย (ค่อยกลับมาเมื่อยขาที่บ้าน) ผู้เขียนชอบเข้าไปในเมืองเป็นพิเศษ ในตัวเมืองปิอาเชนซ่านี้ จะมีถนนเดินช้อปปิ้งที่รถห้ามเข้าหลักๆอยู่2สาย ระหว่างทางก็สลับไปด้วยโบสถ์เล็กบ้างใหญ่บ้าง แต่เป็นโบราณสถานที่มีความงามไม่แพ้กันเลยค่ะ ถนนบางช่วงก็จะเป็นหินแบบโบราณ ใครจะมาเที่ยวอิตาลีผู้เขียนไม่แนะนำให้ใส่ส้นสูงนะคะ เพราะว่าจะเดินยากมากบนถนนแบบนี้ เขามักจะอนุรักษ์เอาไว้ตามจุดที่มีโบราณสถาน หรือย่านเก่าแก่ของแต่ละเมืองค่ะ

ไม่รู้ทำไมนะคะ ยิ่งหนาวมันก็ยิ่งหิว ผู้เขียนขอตัวไปชงชาร้อนๆจิบพร้อมขนมอร่อยๆ รองท้องระหว่างรอลูกชายเลิกเรียนกลับมากินข้าวเที่ยงตอนบ่างโมงกว่าๆก่อนนะคะ

เตรียมตัวต้อนรับฤดูใบไม้ร่วง

ผู้เขียนหายไปนานมาก ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมานี้ขอยอมรับค่ะว่าทั้งขี้เกียจ ทั้งคิดอะไรมาเขียนไม่ค่อยออก ก็เลยละเลยบล๊อกนี้ไปซะ วันนี้ผู้เขียนตัดสินใจกลับมาบันทึกอะไรบ้าง ไม่งั้นบล๊อกจะขึ้นสนิมเอา ที่อิตาลีหน้าร้อนกำลังจะหมดไปและกำลังจะย่างก้าวเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงในอีกไม่กี่วันนี้ (วันที่ 23ของเดือนนี้นั่นเองค่ะ) แสงแดดก็จะเริ่มมีน้อยลงๆ ช่างเป็นฤดูที่ทำให้หดหู่ใจอย่างไรไม่รู้ค่ะ

จังหวัดที่ผู้เขียนอาศัอยู่นี้ ซึ่งมีชื่อว่า Piacenza เป็นที่ราบ โดยมีภูเขารายล้อม และมีแม่น้ำสายสำคัญคือแม่น้ำ Po ไหลผ่าน ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ช่วงที่ราบนี้เป็นเหมือนแอ่งเก็บความชื้น เนื่องจากภูเขาสูงใหญ่ทางด้านเหนือทำให้ไม่ค่อยมีลมผ่าน เมื่ออากาศหนาวเริ่มมา หมอกก็จะลงจัดทีเดียว วันไหนหมอกหนาวันนั้นก็จะง่วงหงาวหาวนอน ไม่อยากทำอะไร มีแต่อยากกินลูกเดียวเลย จะออกจากบ้านแต่ละทีก็ไม่ค่อยมีสิ่งกระตุ้นใจ ช่างเป็นฤดูที่ไม่รื่นรมย์เสียเลย ความจริงแล้วความดีของมันก็มีอยู่บ้างนะคะ เพราะว่าใครชอบบรรยากาศโรแมนติกก็จะได้เห็นใบไม้ตามรายทางเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองอมส้ม แต่ปัจจุบันนี้บรรยากาศนี้เริ่มมีน้อยลง ผู้เขียนเองคิดว่าเป็นผลของอากาศที่ปรวนแปรไม่แน่นอนเหมือนสมัยก่อน จู่ๆก็ร้อนมาก แล้วจู่ๆก็หนาวขึ้นมา สลับไปสลับมา ต้นไม้มันก็คงจะทรมานเหมือนมนุษย์เราบ้างล่ะค่ะ ฤดูนี้ใครไม่ระวังตัวดีๆต้องเจ็บไข้ได้ป่วยกันแน่ เพราะดินฟ้าอากาศไม่แน่นอนจริงๆ อุณหภูมิสามารถที่จะขึ้นๆลงๆมีความต่างกันถึง 15-20 องศาภายในวันเดียวก็ได้ค่ะ ผู้เขียนสังเกตได้ว่า สมัยมาอยู่ใหม่ๆช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะน่าอยู่กว่านี้มาก เพราะอากาศเย็นสบาย วิวตามทางก็สวยงาม ต้นไม้ใบหญ้าจะมีสีแดง เหลืองเป็นเวลานับเดือนๆ แล้วอากาศก็จะค่อยๆหนาวขึ้นทีละหน่อย หลายปีมานี้ไม่เป็นอย่างนั้นแล้วค่ะ ทุกอย่างแปรปรวน ต้นไม้ใบหญ้าเองก็เหี่ยวเฉาภายในเวลาแป๊บเดียว (นอกจากบางภูมิภาคที่อากาศดีกว่าหน่อยอาจจะยังสวยอยู่นานได้ค่ะ)

ฤดูนี้เป็นฤดูที่คนรักการล่าค่ะ คนชอบเก็บเห็ดจะออกไปล่าเห็ดกันตามป่าเขา จะมีกม.ว่า 1คนห้ามเก็บเห็ดชนิดที่คนต้องการมากได้มากกว่ากี่กก. แม่สามีของผู้เขียนเติบโตมาในจังหวัดที่เต็มไปด้วยภูเขาและป่าเล็กๆ แม่สามีเล่าว่าสมัยเด็กๆการออกไปเก็บเห็ดก็เป็นการเล่นชนิดนึง เมื่อผู้ใหญ่สอนมาว่าเห็ดชนิดที่กินได้เป็นแบบไหนบ้าง เด็กๆก็เรียนรู้และหัดเก็บเห็ด เป็นที่สนุกสนานกันค่ะ ตัวผู้เขียนเองคิดว่าคงไม่กล้ากินเห็ดที่ตัวเองเก็บเองแน่ๆ รับรองต้องมีเห็ดเป็นพิษหลงมาแน่ๆเชียว แต่ผู้เขียนชอบทานเห็ดมากนะคะ โดยเฉพาะเห็ดที่ชื่อว่า Porcini เป็นเห็ดที่มีมากแถวๆนี้ ดอกใหญ่และรสชาดอร่อยมากค่ะ แต่ผู้เขียนยอมซื้อมาทานดีกว่านะคะ ถึงแม้จะราคาแพงอยู่

ผู้เขียนเอารูปเห็ด Porcini ของโปรดมาแปะไว้ให้ดูนะคะ เป็นส่วนประกอบของอาหารอิตาเลียนหลายอย่างเลยค่ะ นอกจากคนจะออกล่าเห็ดแล้ว ฤดูนี้เริ่มเปิดการล่าสัตว์ด้วยค่ะ แต่ผู้เขียนไม่ถนัดในหัวข้อนี้ และก็ไม่นิยมการล่าสัตว์อย่างแน่นอนค่ะ เอาเป็นว่าผู้เขียนเริ่มฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้ไว้เท่านี้ก่อนนะคะ แล้วจะพยายามหาเรื่องมาเล่าสูกันฟังนะคะ